1. การทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้างงาน
สัญญาจ้างงาน คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งที่เรียกว่า ‘ลูกจ้าง’ ตกลงที่จะทำงานให้บุคคลอีกคนหนึ่งที่เรียกว่า ‘นายจ้าง’ และนายจ้างตกลงจะให้ค่าจ้างแก่ลูกจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ สัญญาจ้างอาจอาจกระทำได้ด้วยคำพูด หรือด้วยการเขียนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร อย่างไรก็ตาม หากการจ้างงานมีระยะเวลาที่เจาะจง จะต้องมีการเขียนสัญญาจ้างอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ตาม พ.ร.บ. กฏหมายแรงงานแห่งประเทศมาเลเซีย สัญญาจ้างงานจะต้องประกอบด้วยข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ก. ชื่อของลูกจ้างและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
ข. ตำแหน่งงานที่ได้รับการว่าจ้าง
ค. อัตราค่าจ้าง
ง. สวัสดิการต่างๆ
จ. อัตราค่าจ้างทำงานล่วงเวลา
ฉ. ชั่วโมงทำงาน
ช. ข้อตกลงในการยกเลิกสัญญาจ้าง
ซ. จำนวนวันหยุดและการลาประจำปี
ฌ. ระยะเวลาในการจ่ายค่าจ้าง
จากข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่ากฏหมายแรงงานพยายามคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างไม่ให้ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ อย่างไรก็ตาม มีลูกจ้างจำนวนมากที่ไม่เห็นความสำคัญของสัญญาจ้างงาน และในทางกลับกันก็มีนายจ้างจำนวนมากที่ไม่ยอมทำสัญญาจ้าง ทำให้ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ เมื่อเกิดข้อขัดแยังกับนายจ้างก็ไม่มีเอกสารหลักฐานในการเจรจา ขาดอำนาจการต่อรอง
2. นายจ้างเก็บหนังสือเดินทางของคนงาน
ปัญหานายจ้างเก็บหนังสือเดินทางของลูกจ้าง เป็นปัญหาที่มีมานานและไม่สามารถแก้ไขได้ ถึงแม้ว่าหนังสือเดินทางจะถือเป็นสมบัติของรัฐบาลไทย และการยึดหนังสือเดินทางเป็นการกระทำผิดกฏหมาย แต่นายจ้างก็ยังเก็บหนังสือเดินทางของลูกจ้าง โดยอ้างว่าป้องกันการหลบหนีของลูกจ้าง ทั้งนี้เนื่องจากมีลูกจ้างหลายรายที่หลบหนีออกจากบริษัทนายจ้างก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้าง สร้างผลกระทบต่อธุรกิจของนายจ้าง (เสียโควต้าการจ้างงาน เสียค่าใช้จ่าย ค่าประกันต่างๆ ที่ได้ออกไปล่วงหน้า) ดังนั้น เมื่อคนงานถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือตำรวจตรวจสอบ ลูกจ้างก็ไม่มีหนังสือเดินทางแสดงต่อทางการ หลายรายจึงถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมดำเนินคดี ต้องรออยู่ในที่คุมขังจนกว่านายจ้างจะนำเอกสารมาแสดงและให้ความช่วยเหลือ
3. ไม่มีใบอนุญาตทำงาน
การเข้ามาทำงานในประเทศมาเลเซียได้นั้น นายจ้างจะต้องทำเรื่องขอจ้างแรงงานต่างชาติจากกระทรวงมหาดไทย (Ministry of Home Affairs) และต้องได้รับโควต้าก่อน ถึงจะดำเนินการจ้างแรงงานต่างชาติได้ สำหรับแรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานใน 6 ภาคประกอบการ + 1 ตำแหน่งงาน ได้แก่ การก่อสร้าง การผลิต การบริการ การเพาะปลูก การเกษตร และภาคเหมืองหินเหมืองแร่ และตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้าน
ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลทุ่มเทกับการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างและภาวะการตกงานของพลเมือง จึงมีนโยบายหยุดพักการจ้างงานแรงงานต่างชาติ และสนับสนุนการจ้างแรงงานท้องถิ่นแทน ทำให้บริษัทนายจ้างไม่ได้รับโควต้าให้จ้างแรงงานต่างชาติ แต่เนื่องจากธุรกิจที่ทำอยู่ต้องอาศัยทักษะความสามารถเฉพาะและคนงานท้องถิ่นไม่สามารถทำได้ นายจ้างบางรายจึงแอบจ้างแรงงานไทยให้ทำงานแบบจ๊อบเดือน โดยเดินทางเข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวคราวละ 30 วัน นอกจากนี้ ก็ยังมีแรงงานอีกจำนวนมากที่ถูกนายหน้าจัดหางานเถื่อนหลอกลวงว่ามีงานให้ทำและจะทำใบอนุญาตทำงานให้ ดังนั้น เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมและดำเนินคดีตามกฏหมาย
4. ทำงานผิดตำแหน่งงานหรือผิดสถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตทำงาน
ตามปกติใบอนุญาตทำงานที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียออกให้ จะระบุชื่อคนงาน วันที่ออกใบอนุญาตทำงาน วันหมดอายุใบอนุญาตทำงาน ตำแหน่งงานที่ทำ และสถานที่ทำงานอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม พบว่ามีนายจ้างหลายรายที่ทำใบอนุญาตทำงานให้ลูกจ้างตำแหน่ง/อาชีพหนึ่งแต่ให้ไปทำงานในตำแหน่ง/สาขาอาชีพอื่น ทั้งนี้เพื่อเลี่ยงอัตราภาษีที่ต้องจ่ายสูงกว่าหรือไม่สามารถจ้างแรงงานต่างชาติในสาขานั้นๆ ได้ เช่น การขอโควต้าแรงงานภาคการเกษตร หรือแม่บ้าน ซึ่งขอใบอนุญาตได้ง่ายและภาษีต่ำกว่า แต่ในทางปฏิบัติ กลับไปทำงานในภาคบริการ (Service) เป็นต้น ส่วนในกรณีสถานที่ทำงานไม่ตรงกับที่ได้ระบุในใบอนุญาตทำงานนั้น มักจะเกิดกับกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างไปทำงานในร้านที่เพิ่งเปิดใหม่หรือในสาขาอื่น หรือมีการเปลี่ยนนายจ้าง เป็นต้น
5. คนงานต้องการเดินทางกลับก่อนครบสัญญาจ้าง
เมื่อลูกจ้างได้รับการว่าจ้างแล้ว ลูกจ้างจะต้องทำงานให้ครบตามระยะเวลาที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาจ้าง โดยทั่วไปสัญญาจ้างมีอายุ 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม มีลูกจ้างบางรายที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากปัญหาทางบ้าน ปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาความขัดแย้งกับนายจ้าง ในกรณีนี้ หากไม่สามารถเจรจาประนีประนอมกับนายจ้างได้ ลูกจ้างอาจจะต้องเสียค่าปรับให้นายจ้าง โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาการจ้างงานที่อนุญาต คือ 10 ปี + 3 ปี สำหรับ 6 ภาคประกอบการที่ได้รับอนุญาต (หมายเหตุ: อัตราค่า Levy ปีที่ 11 – 13 จะมีการปรับอัตราขึ้นสูงมาก โดยภาคบริการ การผลิต ก่อสร้าง เหมืองหินเหมืองแร่ ปรับเป็น 6,000 ริงกิต (จากเดิม 1,850 ริงกิต) ส่วนภาคเพาะปลูกและการเกษตร ปรับเป็น 2,000 ริงกิต (จากเดิม 640 ริงกิต))
6. การทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือได้รับค่าจ้างไม่ตรงกับที่ได้ตกลงไว้ หรือได้รับค่าจ้างล่าช้า
กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้กำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานขั้นต่ำให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการจ้างงานในประเทศมาเลเซีย ตามประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานขั้นต่ำและเงื่อนไขสำหรับการจ้างแรงงานไทยในประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2556 รวมทั้งอิงตามคำสั่งค่าจ้างขั้นต่ำ (แก้ไขเพิ่มเติม) (ฉบับที่ 2) ปี 2022 (Minimum Wages (Amendment) (No. 2) Order 2022) ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 1,500 ริงกิตอัตราเดียวทั้งประเทศ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2023 (2566)
ทั้งนี้ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป หากเกินกว่านั้น ลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสำนักงานแรงงานประจำพื้นที่นั้นๆ ได้ ที่ผ่านมา สนร. มาเลเซียได้รับเรื่องร้องทุกข์กรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามที่ได้ตกลงหรือค้างค่าจ้างเป็นจำนวนหลายราย ส่วนใหญ่เป็นพนักนวดสปาและคนงานก่อสร้าง ซึ่งลูกจ้างที่มีใบอนุญาตทำงานถูกต้องก็จะได้รับความคุ้มครองจากทางการมาเลเซียเท่าเทียมกับลูกจ้างท้องถิ่น ส่วนลูกจ้างที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานจะไม่มีอำนาจในการต่อรองหรือได้รับความคุ้มครองจากกรมแรงงานมาเลเซีย
7. ลูกจ้างประพฤติตัวไม่เหมาะสม เช่น ดื่มสุรา เล่นการพนัน ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ฯลฯ
ปัญหาลูกจ้างประพฤติตัวไม่เหมาะสมนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับลูกจ้างชาย โดยเฉพาะคนงานในภาคก่อสร้าง ซึ่งมักจะพบว่าชอบดื่มเหล้าและเล่นการพนัน หากไม่กระทบต่อการทำงานก็มักจะไม่มีปัญหา ส่วนการทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฏหมายมาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมา คนงานก่อสร้างไทยหลายรายถูกจับกุมด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย
4532