เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ดาโต๊ะ อาเลียส อาห์หมัด (Datuk Alias Ahmad) อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ‘New Straits Times’ ว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป กรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียจะจับตามองชาวต่างชาติที่มีประวัติเข้าประเทศมาเลเซียถี่จนน่าสงสัย โดยชาวต่างชาติรายใดที่พบประวัติว่ามีการกลับเข้าประเทศมาเลเซีย (U-turn) เป็นจำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรั้งตัวไว้ เพื่อสอบถามข้อมูล หากชาวต่างชาติรายใดไม่สามารถแสดงหลักฐานเพียงพอในเหตุผลที่กลับเข้าประเทศมาเลเซียเป็นครั้งที่ 3 ชาวต่างชาติคนนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศมาเลเซีย ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเข้าประเทศที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจุดใดก็ตาม เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำกิจกรรมผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นการป้องกันการค้ามนุษย์ในอีกทางหนึ่งด้วย
ในการออกข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับการเข้าเมืองของชาวต่างชาตินี้ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองให้ความเห็นว่า การที่กฏหมายไม่ได้จำกัดจำนวนของการกลับเข้าประเทศ และไม่ได้กำหนดระยะเวลาห้ามเข้า (Cooling – off Period) เป็นช่องทางให้ชาวต่างชาติที่เข้าประเทศมาเลเซียโดยมีเจตนาอื่น นอกเหนือจากการเข้ามาท่องเที่ยว ถือโอกาสกลับเข้าประเทศทันทีที่เจ้าหน้าที่ประทับตราออก ดังนั้น การกำหนดมาตรการใหม่ในการเข้าเมือง จะทำให้สามารถควบคุมชาวต่างชาติที่ลักลอบใช้วีซ่าผิดประเภทได้ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซียด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จากข้อมูลของกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย พบว่า พฤติกรรมการเข้าเมืองแบบ U-turn เป็นที่ปฏิบัติกันมาก โดยเฉพาะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบูกิต กายูฮีตัม (Bukit Kayu Hitam) รัฐเคดาห์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียมีความเชื่อว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาในลักษณะนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การค้าประเวณี และการลักลอบขนและค้ายาเสพติด โดยชาวต่างชาติที่พบว่ามีการละเมิดกฏหมายเข้าเมืองมาเลเซียมากที่สุด ได้แก่ หญิงสาวจากประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าเข้ามาค้าประเวณีในมาเลเซีย รองลงมา ได้แก่ หญิงสาวจากประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งเชื่อว่าเข้ามาทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ พบว่ามีชาวไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ เข้ามาในลักษณะ U-turn อย่างสม่ำเสมอ
จากที่สนร. มาเลเซียได้ติดตามข่าวสถานการณ์ภายในประเทศมาเลเซียเป็นระยะๆ สนร. มาเลเซียมีความเห็นว่า หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะข่าวสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ได้มีส่วนผลักดันให้กรมตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย มีความเคร่งครัดในนโยบายและข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการเข้าเมือง และการจ้างงานแรงงานต่างชาติมากขึ้น เช่น กรณีมีชาวอินโดนีเซีย สวมรอยเป็นชาวซาบาห์ เข้าไปทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในธนาคาร และ ยิงเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งเสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมากเกี่ยวกับความหละหลวมของกระทรวงมหาดไทยในการมอบใบอนุญาตให้บริษัทรักษาความปลอดภัย เป็นเหตุให้กระทรวงมหาดไทยต้องตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการของบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในมาเลเซีย
นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ‘ฺBerita Harian’ ได้ลงข่าวการจับกุมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ณ สนามบิน KLIA และ LCCT ที่ทำการทุจริต อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ใช้เอกสารเดินทางปลอมเข้าประเทศมาเลเซียโดยการรับเงินใต้โต๊ะ เป็นเหตุให้กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียต้องจัดตั้งทีมตรวจสอบ เรียกว่า ‘Flying Squad’ เพื่อไปปฏิบัติการควบคุมและสังเกตการณ์การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ด้วย
จากข้อมูลข้างต้น สนร. มาเลเซียเชื่อว่ากระทรวงมหาดไทยมาเลเซียจะดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังตามมาตรการดังกล่าว และเนื่องจากพฤติกรรมการเข้าเมืองแบบ U-turn เป็นที่ปฏิบัติกันของกลุ่มแรงงานไทยในร้านอาหารประเภทต้มยำ และแรงงานไทยในภาคประกอบการนวดแผนไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยทุกคนทราบ รวมทั้งขอให้ช่วยกระจายข่าวให้เพื่อนแรงงานไทยทราบในวงกว้างต่อไป
หากมีข้อสงสัย ติดต่อสนร. มาเลเซียที่หมายเลขโทรศัพท์ 03-2145 5868/03-2145 6004 E-mail: thai_labour_office@yahoo.com หรือที่ facebook สำนักงานแรงงานในมาเลเซีย ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตลอด 24 ชม.