เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 นายสิงหเดช ชูอำนาจ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศมาเลเซีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนาย Ahmad bin Ismail ผู้อำนวยการกองแรงงานต่างชาติ (Foreign workers Division) กรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตทำงาน ตำแหน่งพนักงานนวด
จากการหารือได้รับการยืนยันจากนาย Ahmad ว่าในขณะนี้ประเทศมาเลเซียได้ระงับการออกใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างชาติในสาขานวดเป็นการชั่วคราว และยังไม่นโยบายว่าจะยกเลิกมาตรการนี้เมื่อใด ซึ่งสาเหตุของการระงับการอนุญาตเนื่องจากพบว่ามีการให้บริการอื่นแอบแฝง อันเป็นการขัดต่อศาสนาและศีลธรรมอันดีของประเทศและยังเกิดผลกระทบต่อสถาบันครอบครัวของชาวมาเลเซีย
อย่างไรก็ดี คนงานที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่แล้วก็ยังสามารถต่อใบอนุญาตรายปีได้ 5 ครั้งรวม 5 ปี หลังจากนั้นต้องเดินทางกลับประเทศไทย และนายจ้าง/ผู้ประกอบการจะต้องขอใบอนุญาตทำงานใหม่ ซึ่งหากนโยบายฯ นี้ยังมีผลบังคับใช้ นายจ้างก็จะไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานและจ้างแรงงานใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ผลจากมาตรการดังกล่าว จะทำให้คนงานนวดแผนไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีจำนวนลดลง (ทะยอยเดินทางกลับเมื่อครบ 5 ปี) และจะมีผู้ที่อยู่ทำงานต่อหรือผู้เข้ามาใหม่ ทำงานอย่างผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอาชีพนวดแผนไทยยังมีรายได้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ
สนร. มาเลเซียจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ประสงค์จะมาทำงานนวดแผนไทยในมาเลเซียได้ทราบข้อมูลดังกล่าว หากยังเดินทางเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน อาจถูกจับกุมมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 3,000 ริงกิต (ประมาณ 30,000 บาท) หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ดี สนร. มาเลเซียได้มีการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์การนวดแผนไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่หน่วยราชการมาเลเซียได้ทราบและเข้าใจศาสตร์และศิลปการนวดแผนไทยให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งรณรงค์พนักงานนวดไทยที่ประกอบอาชีพอยู่ในมาเลเซียให้ช่วยกันรักษาชื่อเสียงของการนวดแผนไทย โดยการปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และทำงานอย่างเป็นมีออาชีพ