Skip to main content

หน้าหลัก

สนร. มาเลเซียร่วมงาน ASEAN TOURISM FORUM 2014 และเยี่ยมคารวะมุขมนตรีแห่งรัฐซาราวัก


                เมื่อวันที่ 20 – 21 มกราคม 2557 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกอบด้วย นายกฤต ไกรจิตติ เอกอัครราชทูตฯ นางสาววิชาดา ภาบรรเจิดกิจ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายพาณิชย์) นางสาวภัทรพร สมันตรัฐ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และนายณัฐพงษ์ สุวรรณภักดี เลขานุการเอก ได้เดินทางไปราชการ ณ เมืองกุชิง รัฐซาราวัก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมงาน ASEAN Tourism Forum 2014 และเยี่ยมคารวะมุขมนตรีรัฐซาราวัก (Chief Minister) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพบปะแรงงานไทยและเจ้าของสถานประกอบการในเมืองกุชิงด้วย

 

 

      
               ในการเดินทางไปราชการ ณ เมืองกุชิงครั้งนี้ คณะเดินทางไปพบกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐ 2 หน่วยงานคือ  หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งรัฐซาราวัก (Sarawak Chamber of Commerce and Industrial: SCCI) และหน่วยงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น (Regional Corridor Development Authority: RECODA) รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะ Pehin Sri Haji Abdul Taib Mahmud มุขมนตรีของรัฐซาราวัก มีรายละเอียดการหารือดังนี้

 

               รัฐซาราวักเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว มีพื้นที่เขตติดต่อกับจังหวัดกาลิมันตันของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีประชากรมาก ติดกับประเทศบรูไน และรัฐซาบาห์ ประกอบด้วยเมืองสำคัญ ได้แก่ เมืองกุชิงเป็นเมืองหลวง และมีเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจได้แก่ บินตูลู ซีบู มิรี และเมืองที่จะเติบโตในอนาคตได้แก่ มูก้า บารัม ตันจงมานิส และตูโนะ รัฐซาราวักเป็นรัฐที่อยู่ในแผนพัฒนาของประเทศ ตามแผนการพัฒนาพลังงานทางเลือก หรือ SCORE (Sarawak Corridor of Renewable Energy) ซึ่งได้เริ่มต้นพัฒนาเมื่อปี 2008 ภายใต้การวางแผน ติดตาม กำกับดูแล บริหารและประสานงานของหน่วยงานสำคัญชื่อ RECODA ในขณะนี้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนขนาดใหญ่จากนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ ถนน สะพาน สนามบิน ท่าเรือ การสร้างเขื่อนแหล่งพลังงานน้ำขนาดใหญ่เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าราคาถูก ใช้ในนิคมอุตสาหกรรมและในเมืองต่างๆ ในรัฐซาราวัก การส่งเสริมให้เกิดการลงทุนได้รับความสนใจจากประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และเกาหลี และมีความสนใจให้มีนักลงทุนไทยมาร่วมลงทุนในกิจการที่รัฐซาราวัก ซึ่งมีความพร้อมมีศักยภาพสูง และนักลงทุนไทยมีความเชี่ยวชาญชำนาญและมีความรู้ประสบการณ์สูง ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวแบบผจญภัย การจัดการท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ในลักษณะ Theme park การแสดงโชว์ต่างๆ การจัดการประชุมระดับต่างๆ (MICE) การให้บริการทางการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ไก่ เนื้อ หมู ผักผลไม้ อาหารฮาลาล อาหารแปรรูปต่างๆ การผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษ

 

               ในด้านการจ้างแรงงานไทย จะมีโอกาสมากหากนักลงทุนมีการลงทุนในกิจการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ในขณะนี้ ได้มีการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานได้มีการพัฒนาไว้รองรับอย่างเร่งด่วนและเป็นไปตามแผนพัฒนาที่วางไว้ และนักลงทุนต่างชาติได้มีการจ้างแรงงานไทยในเมืองบินตูลู และในนิคมอุตสาหกรรมซามาลาจู การก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โรงงานผลิตอลูมิเนียม เหล็ก ปิโตรเคมี แก้ว พอลิคริสตัลลีน (Polycrystalline) โลหะซิลิคอน โลหะผสมเหล็ก (Ferro Alloys) แมงกานีส ซึ่งมีการลงทุนมูลค่ามหาศาลและต้องการแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเชื่อมท่อ การทำโครงสร้างที่ต้องการความปลอดภัยหรือมาตรฐานขั้นสูง และในอนาคตจะมีความต้องการช่างเทคนิค และช่างฝีมืออีกเป็นจำนวนมาก จากการสนทนาพบว่า ผู้บริหารระดับสูงของรัฐซาราวักมีความคุ้นเคยและรับทราบข้อมูลของประเทศไทยเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์อันดีรวมทั้งมีการลงทุนร่วมในประเทศไทยในหลายกิจการ และมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมธุรกิจกับนักลงทุนไทย นอกจากนี้ได้มีความเห็นร่วมกันว่าจะร่วมผลักดันให้มีสายการบินมีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพ-กุชิง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และเป็นการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนให้ใกล้ชิดและเดินทางไปมาหาสู่กันสะดวกง่ายดายมากขึ้น

 


 
                นอกจากนี้ คณะฯ ยังเข้าร่วมพิธีเปิดงาน ASEAN Tourism Forum 2014 ที่ศาลาว่าการรัฐซาราวัก โดยมีนายกรัฐมนตรี Dato Seri Mohd Najib bin Tun Haji Abdul Razak เป็นประธานในพิธี และมีรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศอาเซียน 10 ประเทศเป็นแขกกิตติมศักดิ์ และมีผู้เข้าร่วมงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมากกว่า 1,200 คน และได้เยี่ยมบูธจัดนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศด้วย

 

               วันที่ 21 มกราคม คณะฯ เข้าเยี่ยมแรงงานไทย พบผู้ประกอบการร้านอาหาร Lok Tien และ Pandan Thai Delight  รวมทั้งอาสาสมัครแรงงาน จำนวนรวมทั้งสิ้น 24 คน แรงงานทั้งหมดเป็นผู้ที่ทำงานในร้านอาหาร มีหน้าที่เป็นหัวหน้าคนครัว ผู้ปรุงอาหารและผู้ช่วยในครัวไทย ครัวจีน และครัวญี่ปุ่น ส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือและภาคตะวันออกฉียงเหนือ เป็นพนักงานเก่าทำงานและต่อสัญญาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนได้รับรายได้และสวัสดิการเหมาะสมตามความสามารถ มีความเป็นอยู่ดี ทำงานอย่างมีความสุข มีความรักสามัคคีกัน และเป็นที่รักของนายจ้าง

 


                สนร. มาเลเซียได้รับแจ้งว่า ขณะนี้นายจ้างได้มีกิจการ Catering ทำอาหารส่งให้กับแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นในเมืองบินตูลูจำนวนหลายพันคนด้วย และมีแผนที่จะขยายกิจการร้านอาหาร จึงมีความต้องการแรงงานไทยที่มีทักษะด้านการทำอาหาร โดยจะใช้วิธีให้พนักงานแนะนำญาติพี่น้องหรือเพื่อนที่มีทักษะและประสบการณ์ในการทำงานให้ หากได้รับโควต้าให้จ้างแรงงานต่างชาติได้จะนำเอกสารมายื่นที่สนร. มาเลเซียตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้นายจ้างได้แจ้งความประสงค์ขอให้สถานเอกอัครราชทูตหรือกระทรวงแรงงานให้การสนับสนุนจัดครูฝึกมาจัดอบรมยกระดับฝีมือแรงงานให้กับพนักงานในร้าน มีพนักงานที่ต้องการฝึกยกระดับ จำนวนรวม 27 – 30 คน เพื่อให้มีฝีมือในการทำอาหารไทยได้ดียิ่งขึ้น


701
TOP