สนร.มาเลเซีย ได้รับแจ้งข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศว่า รัฐบาลบรูไนดารุสซาลาม จะนำประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม (Syariah Penal Code) มาบังคับใช้ในประเทศ ซึ่ง สนร.มาเลเซีย เห็นว่าแรงงานไทยที่จะเดินทางเข้าไปทำงานที่ประเทศบรูไรดารุสซาลาม จำเป็นต้องรับทราบ เพื่อสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่กำหนดไว้ โดยจะมีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม ควบคู่กับประมวลกฎหมายทั่วไป (Civil Law) ในเดือน เมษายน 2557 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม
จะมีการบังคับใช้สำหรับความผิดที่กำหนดไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน และแนวทางปฏิบัติของศาสดามูฮำหมัด ได้แก่ 1) การลักขโมย 2) การปล้น 3) การทำร้ายร่างกาย 4) การผิดประเวณี 5) การกล่าวหาผู้อื่นว่าได้กระทำผิดประเวณี 6) การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 7) การกระทำอันขัดกับหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม โดยมีบทลงโทษแตกต่างกันไป เช่น โทษเฆี่ยนตี โทษตัดมือ โทษถูกปาหินจนเสียชีวิต ตามที่มีการบัญญัติไว้ในคัมภีร์กุรอาน และแนวทางของศาสดามูฮำหมัด ท้งนี้ จะสามารถดำเนินคดีได้ต่อเมื่อ ปรากฏหลักฐานการกระทำผิดชัดเจน โดยมีพยานที่น่าเชื่อถือเห็นเหตุการณ์กระทำผิด จำนวน 4 คน เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัยต่อการกระทำผิดดังกล่าว ประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม จะบังคับใช้เฉพาะชาวมุสลิม แต่คลอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดต่อชาวมุสลิมด้วย
2. ประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม กับประมวลกฎหมายทั่วไป (Civil Law) คดีจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
2.1 การกระทำผิดที่ไม่ทับซ้อนภายใต้สองระบบกฎหมาย (Non-overlap offenses) คือ การกระทำผิดในคดีที่ต้องพิจารณาคดีในศาลอิสลามเท่านั้น เช่น การละทิ้งศาสนา การละเลยการละหมาดวันศุกร์ การไม่เคารพต่อศาสนาในช่วงเดือนรอมฎอน การเผยแผ่ศาสนาอื่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น การสอบสวนจะดำเนินการโดยฝ่ายปราบปรามของกระทรวงศาสนา (Religious Enforcement Unit) ผลการสอบสวนจะถูกส่งไปยังหัวหน้าอัยการศาสนาอิสลาม (Syariah Chief Prosecutor) เพื่อรับการพิจารณาในศาลศาสนาอิสลามชั้นต้น (Syariah Court) หรือศาลศาสนาอิสลามชั้นสูง (Syariah High Court) ต่อไป
2.2 การกระทำผิดที่ทับซ้อนภายใต้สองระบบกฎหมาย (Overlapping offenses) คือ การกระทำผิดในคดีที่ต้องพิจารณาคดีในศาลศาสนาอิสลาม และศาลทั่วไป เช่น โจรกรรม ชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นต้น การสอบสวนจะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลการสอบสวนจะถูกส่งไปยังอัยการ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษ ประกอบด้วย หัวหน้าผู้พิพากษาศาลอิสลาม หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูง และสมาชิก ร่วมกันพิจารณาว่ามีหลักฐานเพียงพอว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอิสลามหรือไม่ หากมี อัยการศาสนาอิสลามจะเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาล หากไม่มี อัยการจะเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลภายใต้ประมวลกฎหมายทั่วไป
ข้อสังเกตที่สำคัญ คือ การประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาอิสลาม อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบจากประชาคมระหว่างประเทศ โดนเฉพาะกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ประเทศบรูไน ก็เชื่อว่า จะส่งผลให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดน้อยลง ข้อควรตำนึงสำหรับคนงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในประเทศบรูไนดารุสซาลามก็คือ ถึงแม่ว่ากฎหมายอาญาอิสลาม จะบังคับใช้เฉพาะต่อชาวมุสลิมเท่านั้น แต่จะคลอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศบรูไนด้วย หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของชาวมุสลิม
——————————————–